วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551


“หมัก” เซ็งทหาร-ศาล จัดการ พธม.ไม่ได้ กร้าว! ไม่เจรจา

นายสมัครให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนใหม่ว่า ได้นำชื่อกราบบังคลทูลฯแล้ว แต่จะไม่บอกว่าเป็นใคร ให้รอหน่อย เพิ่งจะส่งชื่อไปวันนี้ ส่วนจะหนาตาดีหัวไม่นั้น คงไม่เทียบเท่าฝ่ายค้าน เมื่อถามว่าเป็นอดีตปลัดกรทรวงต่างประเทศหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า คุณอย่าถามอย่างนั้น ผมไม่ตอบ เมื่อถามว่าจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่มี นายสหัส ดูแลได้อยู่แล้ว
       
       
ย้ำลุยทำประชามติหาทางออก
       
       นายสมัคร กล่าวถึงเรื่องแนวคิดการทำประชามติเพื่อเป็นทางออกของสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ว่า ทุกอย่างอยู่ในขั้นเตรียมการ ซึ่งเป็นการทำเพื่อหาทางออก มันดีที่ว่าประกาศออกมาแล้ว แบ่งข้างกันเลย จะได้รู้ว่าใครเป็นใครอย่างไร แบ่งความคิดกัน เมื่อถามว่ามันจะยิ่งเป็นการทำให้คนแตกแยกหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า แล้วเวลาเลือกตั้งมันก็เลือกข้างใช่หรือไม่ พลังประชาชน ประชาธิปัตย์
       
       เมื่อถามว่าจะทำอะไรเพื่อให้มันมีความสมานฉันท์ก่อนที่มันจะไปถึงจุดนั้น นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ สภา ก็เอาไม่อยู่ ใช้วิธีนุ่มนวลทางศาลก็เอาไม่อยู่ ประกาศภาวะฉุกเฉินให้ทหารไปช่วยดูแลก็เอาไม่อยู่ ทหารบอกว่าเป็นกำแพงแต่ไม่มีประตู ประตูอยู่ที่สภา ก็พบประตูคือมาตรา 165 และก็กำลังทำกรรมวิธีที่จะออกวิธีนี้ จะสำเร็จหรือไม่ไม่เป็นปัญหา วุฒิสภาเริ่มดำเนินการให้แล้ว มีเวลาทำ 90 วัน แต่ว่าได้รับหลักการแล้วและจะได้ภายใน 7 วัน แปรญัตติแสดงว่าไม่นานก็สำเร็จ ในวงเล็บ 2 ที่ขัดรัฐธรรมนูญเขาบอกว่า เช่น ออกประชามติว่าห้ามไม่ให้ใช้มาตรา 63 อย่างนี้ ลงประชามติไม่ได้ ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 50 อย่างนี้ลงประชามติไม่ได้ คำอธิบายหมายความอย่างนี้ นึกว่าใครจะเข้าใจเรื่องพรรค์นี้ ในเมื่อไม่เข้าใจ ก็อธิบายให้ฟัง
       
       
ลั่นทำเพื่อรักษากฎเกณฑ์บ้านเมือง
       

       เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายติงว่าการทำประชามติไม่ใช่ทางออก นายสมัคร ย้อนถามว่า รัฐบาลไม่มีฝ่ายบ้างหรือ กระทรวงทั้งหมด 20 กระทรวงอ้างไม่ได้หรือ ตนคิดว่าอ้างกันเกินเหตุ ขอย้ำอีกทีว่าอะไรก็ตามแต่ คนพูดหนึ่งคน อัยการพูดหนึ่งคน ก็ไปออกข่าวว่าอัยการต่อต้านรัฐบาล แล้วอัยการตั้งเป็นพัน เขาเดือดร้อนไหม พูดกันว่าจะตัดน้ำตัดไฟ แล้วคนที่เขาไม่ตัดคุมไฟอยู่เขาก็เดือดร้อน เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเข้าไปเจรจาพันธมิตรฯ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ คือเขาไม่อยากเจรจรกับตน และตนก็ไม่ต้องเจรจากับเขา
       
       เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้คนกลางเข้ามาประสานการเจรจาเช่นประธานวุฒิสภา นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องของท่านไม่ใช่เรื่องของผม แต่สำคัญที่ว่าผมประหลาดใจ ในบ้านเมืองอะไรที่มันเป็นหลักเกณฑ์ไม่ยึดถือ แต่ไปมองสิ่งที่เขาตั้งคณะขึ้นมาแล้วเรียกร้อง ถ้าวันข้างหน้านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ แล้วมีคณะเข้ามาออกให้ออกไป อย่างนี้จะมีคนยอมไหม
       
       “ถามว่าที่ผมทำอย่างนี้เพื่อใคร ทำเพื่อไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองของเราถูกชาวโลกเขาดูแคลน ว่าบ้านเมืองไทยมันป่าเถื่อน เลือกตั้งมาเสร็จ มีคณะมาบอกว่าไม่ชอบไม่ได้ มึงออกไป ที่มันน่าประหลาดคือคนมีสติปัญญาความรู้ ออกมาพูดจาทำนองว่าคนที่เขาไล่ ไอ้คนที่อยู่ไม่ถูกต้อง ผมประกาศเลยว่าผมไม่มีวันยอมให้สถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้เลย คนทั้งประเทศต้องเฝ้าดูว่าตกลงใครมันผิด ใครมันเลว ถึงได้อยากให้ประชาชนเป็นคนวินิจฉัยด้วยการลงประชามติ ไม่ใช่ว่าคณะนั้นเป็นคนสำคัญหนักหนา เพียงแต่เป็นคนที่ทำให้บ้านเมืองหาทางออกไม่ได้”นายสมัครกล่าว
       
       
โต้ข้อหารวบอำนาจ ยันมอบให้ทหารหมด
       

       นายสมัครกล่าวว่า ตนกับผบ.ทบ.ได้คุยกันเมื่อวานนี้ (4ก.ย.) มันเป็นแบบที่ฝรั่งเรียกว่า “ฟอร์มาลิตี้” จะต้องตั้งคณะ เสร็จแล้วอำนาจทั้งหลายที่มันอยู่ในรัฐมนตรี 21 คน ขอให้มาอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีคนเดียว ตอนท้ายก็มอบอำนาจให้พล.อ.อนุพงษ์ ขอถามหน่อยว่าเวลานี้ที่พูดจากระแนะกระแหน ว่านายกรัฐมนตรีกับทหารขัดแย้งกัน นายกฯประกาศรวบอำนาจมาไว้ที่ตนเองหมด ก็ไอ้ที่ลงท้ายว่ามอบให้ทางทหารเป็นคนดำเนินการ แล้วทำไม ก็เอาไปพูดจาว่ากล่าวขัดแย้งกันแล้ว อย่างโน้นอย่างนี้ ตนต้องเห็นใจฝ่ายทหาร เพราะรัฐบาล สภา ศาล เอาไม่อยู่ ทหารก็เอาไม่อยู่ เพราะอะไร เพราะสังคมไทย เดี๋ยวนี้บอกไม่ได้ ฝรั่งมังค่าเขาบอกอะไร เขาบอกได้ปืนต้องยิง ได้ดาบต้องฟัน เราบอกสังคมไทยเวลานี้ไม่ได้แล้ว ได้ปืนต้องพกใส่ซองไว้ก่อน ทำอะไรไม่ได้เลย
       
       
เตรียมเลิกพรก.ฉุกเฉินหลังเป็นแค่เศษกระดาษ
       

       นายสมัครกล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดเราดูก่อนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน คนที่เขาเคารพกฏหมายก็เลิกชุมนุม ถ้าคนไม่เคารพกฎหมายเขาก็อยู่ ทั่วโลกเขาจึงมองว่าเมืองไทยกฎหมายบังคับไม่ได้แล้ว ใครจะไม่ต้องยอมก็ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตรงนี้เราก็เริ่มอับอายเขา จึงเลือกมาตรา 165 ที่เปิดช่องให้ เท่านั้นเอง เมื่อถามว่าหากการใช่พรก.ฉุกเฉินไม่ได้ผล จะพิจารณายกเลิกไปก่อนหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า “ผมคิดก่อนคุณอีก เพราะว่าทำเอาไว้อย่างนี้ แล้วคนขัดขืนอย่าง มันเสียหายกับพ.ร.ก.ผมจะปรึกษาหารือกันวัน 2 วันนี้ ธรรมดาอยู่ได้ 3 เดือน แต่ผมจะไม่ลากถึงอย่างนั้นหรอก เมื่อคนอยู่ในขอบเขตเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถจัดการอะไรได้ ไม่เป็นปัญหา แต่เรื่องจะต้องประชุมปรึกษากัน เพราะก่อนประกาศก็ยังปรึกษาหารือ อยู่ดีๆ ไม่ปรึกษาหารือก็ไม่ควร
       
       เมื่อถามว่ารัฐบาลจะพิจารณายกเลิกพรก.เร็วๆนี้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เมื่อใช้แล้วเขาไม่เคารพ มันไม่ต้องออกก็ได้ ก็ยังไม่ต้องเสนอข่าวกันมาก ตนไปปรึกษาหารือกันก่อน แต่การคุยกันนั้นมันต้องแสดงความรู้สึกจริงใจว่าคิดอะไรยังไง หนทางที่กำลังหาทางออกนั้น ออกได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่กำลังหาทางอยู่ เจอประตูแล้ว ตอนนี้กำลังหากุญแจอยู่ ถ้าเปิดได้ ก็ไม่ต้องพังประตู
       
       
ไม่เห็นด้วยตื่นตระหนกปิดโรงเรียนวุ่นวาย
       

       เมื่อถามว่าหากทำประชามติไปแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯไม่ยอมรับอีกจะทำอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศจะเป็นคนจัดการ ประชามติคือคนทั้งประเทศจัดการ คะแนนมันออกเท่าไหร่จะได้ดูใจ จะได้ดูว่าคนไทยอยากอยู่แบบไม่มีกฎ ไม่มีเกณฑ์ มีเท่าไหร่ จะรักษากฎเกณฑ์มีเท่าไหร่ เรากำลังเลือกหนทางไม่แตะ ไม่ต้อง ไม่ทำลาย ไม่ให้เกิดเรื่อง ก็หวังใจว่าสื่อที่ฟังแล้วเข้าใจ แล้วไปอธิบายให้คนเข้าใจ ก็แปลว่าได้ช่วยกัน ตอนนี้ต่างชาติกำลังมองเราอยู่ อยู่กันดีๆ แท้ ๆ พื้นที่กรุงเทพกว้างใหญ่ แต่พื้นที่เกิดเหตุ ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ ตารางกิโลเมตรด้วยซ้ำไป นอกนั้นชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติ ตนถึงบอกว่าปิดทำไมโรงเรียน รอบๆผิดเห็นด้วย ไกลๆไม่ต้องปิด
       
       
ฉะ"อภิสิทธิ์"ไร้เหตุผลพูดสงครามกลางเมือง
       

       เมื่อถามว่าผู้นำฝ่ายค้านแสดงความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจกลายเป็นสงครามกลางเมือง นายสมัคร กล่าวว่า “หัวหน้าฝ่ายค้านมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่ผมไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย คนไทยจะไม่มีวันให้เกิดเรื่องนี้ได้เลย คนไทยทุกคนรักบ้านรักเมือง ถ้าเป็นคนไทยจริง ๆ ต้องไม่เอ่ยถึงคำนี้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะเอ่ย คนหยิบมือหนึ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับมีคนสำคัญของบ้านเมืองเอ่ยว่าจะมีสงครามกลางเมือง มันเกิดยังไง ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอาวุธ ตำรวจทหาร ก็ไม่ใช้อาวุธ ต้องรู้สึกบ้างว่าบ้านเมืองของเรามันอยู่เรียบร้อย ผมจึงบอกว่าอย่าไปเอ่ยถึงได้ไหม ไม่ได้กลัวไม่ได้เกรง แต่มันไม่มีเหตุที่จะต้องไปเอ่ย
       
       
จวกนักข่าวถามเหมือนบ้านเมืองวายวอดไปแล้ว
       
       เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าทั้งฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรฯ ทำให้สังคมแตกขั้ว นายสมัคร กล่าวว่า ตกลงว่ารัฐบาลที่เป็นคนรักษาการณ์ เป็นคนผิดใช่หรือไม่ คนที่มันก่อการยึดทำเนียบไม่ผิดเลย ผู้สื่อข่าวแย้งว่าน่าจะผิดทั้งคู่ นายสมัคร สวนมาทันทีว่าไม่ได้ มันไม่ได้ ผิดทั้งคู่ก็ไม่ได้ ตนรักษาบ้านเมืองให้เรียบร้อย ต้องใช้วิจารณญาณให้ดี ว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดปัญหา บัดนี้ชี้นิ้วชี้หน้ามาทางตน มันไม่ได้หรอก
       
       เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีควรควบคุมสถานการณ์ให้คนไทยทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ นายสมัคร กล่าวเหน็บว่า โหย...ฟังคำพูดแล้วเก๋ไก๋เต็มที มีสิทธิเท่าเทียมกัน แล้วมีใครเสียสิทธิ์เวลานี้ในบ้านเมือง ไหนลองบอกตนมาสิ เมื่อถามว่ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย นายสมัคร ย้อนถามอีกว่า ขัดแย้งขนาดไหน อย่างไร ใครขัดแย้งกับใคร
       
       ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่าขนาดคนในครอบครัวยังทะเลาะกัน นายสมัคร กล่าวว่า ก็รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน บ้านตนไม่ทะเลาะ ทุกคนเขาเห็นตรงกับที่ตนทำ บ้านเมืองต้องรักษาไว้อย่างนี้ บ้านอื่นเห็นไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร สุดแต่วิจารณญาณของแต่ละคน ตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนดำเนินการมีความเหมาะสม ฝ่ายทหารก็เห็นชอบด้วย ผู้คนในบ้านเมืองก็เห็นชอบด้วย คนส่วนหนึ่งไม่เห็นชอบก็ไม่เป็นปัญหา แต่การตั้งคำถามของพวกผู้สื่อข่าวมันเหมือนว่าบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอดหมดแล้ว มันทะเลาะกันจับเป็นคู่ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น ข้อสำคัญที่สุดถึงบอกว่าให้วัดกันที่การลงคะแนนประชามติเอาไหม แค่นั้นเอง



By นาย กีรติ์ กำปั่นทอง ID : 5131601247 

ไม่มีความคิดเห็น: