วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551
"ชูวิทย์"ให้ปากคำกกต.กรณีป้ายกทม.ติดชื่อ"อภิรักษ์"
BY นางสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ 4831205222
นครราชสีมา ประกาศ"ปากช่อง"พื้นที่ภัยพิบัติ
ขณะนี้น้ำที่ท่วมทั้ง อ.ปากช่องและ อ.เมือง ได้เริ่มลดระดับลงแล้วรวมทั้งบริเวณถนนมิตรภาพในเขต อ.ปากช่องก็ลดลงเช่นกัน ส่วนน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ ไหลท่วม ต.หมูสี และพื้นที่ อ.ปากช่อง ก็ได้ไหลลงไปยังอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งปัจจุบันลำตะคองยังสามารถรับน้ำได้อีกมาก เพราะน้ำในอ่างยังไม่ถึง 50% ตนยังมั่นใจว่าน้ำจากลำตะคองฯจะไม่เอ่อล้นท่วมในเขตเทศบาลนคร เหมือนปี 2549
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ ปภ.เขต 5 ได้มีการจัดตั้งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม ที่ ศูนย์ฯเพื่อการเตรียมการและประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีการจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัย คอยให้ความช่วยเหลือประชาชนเมื่อมีการร้องขอ พร้อมทั้งจัดชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และรับแจ้งเหตุที่โทรสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมีการจัดตั้งทีม ERT ซึ่งเป็นหน่วยเผชิญสถานการณ์วิกฤติ กรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมออกปฏิบัติงานได้ทันทีที่มีการร้องขอเข้ามา นอกจากนี้ทางศูนย์ ปภ.เขต5 ยังได้มีการจัดเตรียมหน่วยเตือนภัยธรรมชาติ หรือ มีสเตอร์เตือนภัยประจำในพื้นที่เสี่ยงทุกแห่งอีกด้วย
ด้านนายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.สีคิ้ว เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง ทำให้น้ำป่าไหลลงสู่เขื่อนลำตะคองมากในระดับหนึ่งซึ่งก็เป็นผลดีต่อเขื่อนที่จะมีน้ำเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้า ณ วันนี้ (15 ก.ย.)ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง อยู่ที่ 176 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 314 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 56 % ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 140 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ทางเขื่อนได้ปิดการระบายน้ำแล้วตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2551 เป็นต้นมา สำหรับระดับน้ำในคลองธรรมชาติของลำตะคองบริเวณใต้เขื่อนยังสามารถรองรับน้ำฝนได้อีกเพราะบางแห่งระดับน้ำยังอยู่ใต้ตลิ่งถึง 2 เมตรและยังสามารถระบายลงสู่แม่น้ำมูลที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติได้ดี ซึ่งในปีนี้น้ำในลำตะคองคงจะไม่เอ่อท่วมในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาแต่อย่างใด
นายจำลอง พินิจการ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เปิดเผยว่า หลังเกิดฝนตกหนักเหนือเขื่อนทำให้น้ำฝนไหลลงเขื่อนลำพระเพลิง จนอยู่ที่ระดับ 92 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นปริมาณที่มากจนแตะปากกระโถนระบายน้ำ และทางเขื่อนลำพระเพลิงได้เร่งระบายน้ำออกไปทางระบายน้ำคอนกรีต 12 คิวต่อวินาที และผลักดันน้ำไปเก็บไว้ที่อ่างลำสำลายซึ่งตั้งอยู่ติดกับเขื่อนลำพระเพลิงเพื่อไว้ใช้ในฤดูแล้งปีต่อไป ซึ่งการระบายน้ำออกจากเขื่อนลำพระเพลิงในขณะนี้จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรอ.ปักธงชัยและอ.โชคชัย บริเวณใต้เขื่อนแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าหากมีฝนตกลงมาเหนือเขื่อนเป็นจำนวนมากอีกก็อาจจะส่งผลกระทบบ้างแต่คงเป็นระยะสั้นเท่านั้น
By นางสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ 4831205222
"สมศักดิ์" เผย 6 พรรคร่วมพร้อมสนับสนุนนายกคนใหม่ที่ พปช.เสนอมา
ส่วนที่มีบุคคลภายนอกวิพากวิจารณ์ว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาโจ๊กนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินและคิดว่าคงไม่มีใครดูถูกองค์กรหลักของตัวเองขนาดนั้น ถ้ามีก็คงไม่ใช่คนไทยแน่ นี่คือสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสามสถาบัน
ส่วนคำถามเรื่องการยอมรับ 3 ส.นายสมศักดิ์ ระบุว่า พรรคชาติไทยไม่เคยยอมรับข้อเสนอ รับในหลักการและกติกาในระบอบประชาธิปไตย การจัดตั้งรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคที่มีเสียงข้างมากไปดำเนินการซาวด์เสียงเพื่อหาคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนเราเป็นพรรคร่วมก็ยินดีจะให้การสนับสนุน เมื่อพรรคมีเสียงข้างมากมีมติอย่างไร พรรคที่ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นรัฐบาลก็ต้องยอมรับ เมื่อผลออกมามีมติอย่างไร 6 พรรคร่วมก็บอกเหมือนกันว่าต้องยอมรับและยินดีให้การสนับสนุน แต่เราก็เชื่อในหลักการว่าพรรคที่มีเสียงข้างมากต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน คำนึกถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ฉะนั้นบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งต้องเป็นบุคคลที่สามารถประณีประนอมกับทุกฝ่ายได้ และสามารถลดความขัดแย้งในสังคมได้ เราเชื่ออย่างนั้น
ต่อคำถามว่าใน 3 ส.พรรคชาติไทยเห็นว่าใครเหมาะสม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะไม่กล้าก้าวล่วงเข้าไปในกิจการของพรรคที่เป็นแกนนำ ถ้าเขาพิจารณากันเองและเสนอมาเราก็สนับสนุน
ส่วนที่มีโหรชื่อดังออกมาทำนายว่า ไม่ว่าใครใน 3 ส.เข้ามาจะอยู่ ไม่ครบ 3 เดือน นายสมศักดิ์ บอกว่า ไม่อยากให้สังคมไทยมองแบบนั้น นี่คืออันตรายอย่างยิ่ง เป็นอันตรายต่อความเชื่อมั่นเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน และตลาดทุนตลาดหลักทรัพย์ คิดดูใครจะกล้ามาลงทุนถ้ามีการพูดกันว่าเป็นรัฐบาลอีก 2 - 3 เดือนก็อยู่ไม่ได้แล้ว อยากให้มองว่าตามกติกาที่วางไว้เวลานี้เหลือเวลาอีก 3 ปี 5 เดือน เป็นภาระกิจที่ใครมาเป็นรัฐบาลใหม่และเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ต้องพุ่งเป้าไปว่าอีก 3 ปี 5 เดือนนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร วางนโยบายอย่างไร ไม่ใช่มาวางนโยบายบริหารทำงาน 2 - 3 เดือน ตรงนี้เป็นอันตราย
"ผมยืนยันว่าใครมาเป็นนายกและรัฐบาลใหม่หรือพรรคร่วมรัฐบาล ต้องพุ่งเป้าไปที่นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินในเวลา 3 ปี 5 เดือน ไม่อยากใหม้มองแค่ 2 หรือ 3 เดือน ตรงนั้นเป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดหวังได้ ถ้าเริ่มต้นขอมาทำงานแค่ 2 เดือนและจะเปลี่ยนแปลง คงไม่มีรัฐบาลไหนทำกัน เพราะนั้นยิ่งฉุดความเชื่อมั่นให้ต่ำลง"นายสมศักดิ์กล่าว
ส่วนปัญหาการยุบพรรคพลังประชาชน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเป็นไปตามกระบวนการเมื่อยุบ เป็นหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานร่วมกันหรือไม่ มีพรรคใหม่มารองรับหรือไม่ ถ้ามีพรรคใหม่รองรับก็ดำเนินการไปตามกติกาของระบอบ ไม่ใช่เรื่องน่าหวาดวิตกเลย ทุกอย่างที่เป็นไปตามครรลองสังคมโลกรับได้และเข้าใจกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น
By นางสาว กนกนวรรณ ธาตุอินจันทร์ 4831205222
เครื่องบินรัสเซียตกตายยกลำ 88 ชีวิต
เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง737 ของสายการบินแอโรฟลอตประสบอุบัติเหตุตกใกล้เมืองเปิร์ม แถบเทือกเขาอูราล ทางภาคกลางของรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) ส่งผลให้ลูกเรือ 6 คน และผู้โดยสารอีก 82 คนเสียชีวิตทั้งหมด ในจำนวนนี้มีเด็ก 7 คน
รายงานข่าวเผยว่าเครื่องบินได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานเชอเรอเมตเยโวของกรุงมอสโกเมื่อเวลา 01.12 น.วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 04.12 น.เช้ามืดวันอาทิตย์ตามเวลาในไทย โดยขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอด ห้องควบคุมก็ขาดการติดต่อกับเครื่องบินที่อยู่ในระดับความสูง 1,100 เมตร และเครื่องหมายกะพริบของเครื่องบินก็หายไปจากจอห้องควบคุมด้วย
แอโรฟลอตออกแถลงการณ์ว่าหลังจากที่ออกไปตรวจสอบก็พบว่าเครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกพังเสียหายยับเยิน และไฟลุกไหม้ไปทั่วบริเวณ ขณะที่โฆษกกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียแถลงว่า เจ้าหน้าที่พบซากเครื่องบินพังเสียหายยับเยินกระจัดกระจายไปทั่ว ซึ่งเป็นห้วยลึกในแถบพื้นที่ร้าง และซากยังกระจายกินรัศมีไกลถึง 4 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีรายงานว่าทางรถไฟสายทรานส์ ไซบีเรีย ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุครั้งนี้ด้วย
สำนักข่าวอาร์ไอเอโนโวสตียังรายงานอ้างแหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งด้วยว่า เครื่องบินตกห่างจากอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น และขณะนี้ทางการได้ส่งคณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงมอสโกไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัย ณ ที่เกิดเหตุแล้ว นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีผู้โดยสาร 3 คนไม่ได้เดินทางขึ้นเครื่องบินไปด้วยหลังจากที่ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว ขณะที่ทางสายการบินแอโรฟลอตได้ตั้งศูนย์รับมือวิกฤติขึ้นที่สนามบินเชเรเม็ตเยโว-1 ในกรุงมอสโก และที่สนามบินในเมืองเปิร์ม เพื่อติดต่อประสานงานรวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาแก่ญาติผู้เสียชีวิต
ในส่วนของสาเหตุการตกนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนโวสตีรายงานอ้างแหล่งข่าวคนหนึ่งที่สงสัยว่า อุบัติเหตุอาจเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้องจนทำให้เกิดไฟลุกไหม้บนเครื่องบินจนนำไปสู่อุบัติเหตุสยอง
By นางสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ 4831205222
พายุเฮอริเคน "ไอค์" ทำแท่นขุดเจาะน้ำมันเสียหาย 10 แห่ง
(16ก.ย.) เอลีน แอลเจลิโค โฆษกหญิงของสำนักงานจัดการแร่ธาตุสหรัฐฯ หรือ MMS เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า จากผลการสำรวจคร่าวๆ ทางอากาศ คาดว่า เฮอริเคน"ไอค์" ที่เข้าถล่มแถบศูนย์กลางการขุดเจาะน้ำมันแถบอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯเมื่อเช้าวันเสาร์ แม้จะสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่คาด แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับแท่นขุดเจาะน้ำมันประมาณ 10 แห่งจากทั้งหมด 3,800 แห่งในอ่าวเม็กซิโก และท่อส่งน้ำมันบางส่วน
แม้ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะยังไม่ทราบจำนวนแน่นอนของแท่นขุดเจาะที่เสียหาย แต่ก็วิตกว่าพายุอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน อันจะทำให้ราคาน้ำมันตามปั้มพ์ต่างๆทั่วสหรัฐฯมีราคาแพงขึ้น เหมือนกับช่วงที่เฮอริเคน"แคทรีน่า" เข้าถล่มเมื่อปี 2548 สร้างความเสียหาย
ให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน 44 แห่งขณะที่เฮอริเคน"ริต้า"ที่เข้าถล่มรัฐแถบอ่าวเม็กซิโกในปลายปีเดียวกัน สร้างความเสียหายให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน 64 แห่ง การที่โรงกลั่นน้ำมันปิดทำการจาก"ไอค์" อาจทำให้ปริมาณน้ำมันคาดแคลนเป็นช่วงๆในสองสามสัปดาห์ข้างหน้า แต่นัก
วิเคราะห์เชื่อว่า จะเป็นปรากฎการณ์เพียงชั่วคราว เพราะบรรดานักค้าหมดความกระหายในน้ำมันและแก๊สธรรมชาติราคาแพงแล้ว
มีรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ขายตามปั้มพ์น้ำมันในหลายส่วนของสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้นเป็นแกลลอนละ 5 ดอลลาร์ หรือ 170 บาท หรือลิตรละ 1.3 ยูโร หรือ 62 บาทแล้ว โดยในบางรัฐ เช่นรัฐเทนเนสซี่นั้น ราคาน้ำมันที่ขายตามปั้มพ์น้ำมันที่อยู่ใกล้เคียงกันชนิดเดินถึงได้ แตกต่างกันตั้งแต่ 3.50 - 5 .19 ดอลลาร์ หรือระหว่าง119-176 บาท/แกลลอน ขณะมีรายงานว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันเฉลี่ยแพงกว่า 4 ดอลลาร์ หรือ 136 บาท/แกลลอนในรัฐลินอยส์ ,อินเดียน่า,มิชิแกน,เซาท์ คาโรไลน่า,ฮาวาย และอลาสก้า
By นางสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ 4831205222
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่ห้องสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าวต่อกรณี การเคลื่อนไหวกดดันบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่าต้องติดตามสถานการณ์ ไปก่อน สำหรับรายชื่อ 3 ส. ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น ส. ไหน ก็รับไม่ได้ เพราะบุคคลเหล่านี้ทำผิดกฎหมายมาแล้วทั้งสิ้น เช่น กรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่มติ ครม.ขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ไม่ว่าใครที่มาจาก ครม.ชุดนี้ถือว่า ขายชาติ จึงขาดคุณสมบัติที่จะมาบริหารประเทศชาติ ส่วนที่จะมีการเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ เห็นว่าเป็นความคิดของพวกที่อยู่ในอาจมก็ต้องยอมรับกันได้อยู่แล้ว เชื่อว่าประเทศไทยคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดหาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้
ย้ำไม่เอานายกฯ จาก พปช.-พรรคร่วม
นายสมศักดิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่ยอมรับตัวแทนจากทั้งพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน เพราะคนพวกนี้เคยสมคบกันกระทำผิด เมื่อก่อนอยู่รวมกันแล้วถูกซื้อตัวไป เมื่อ แตกแล้วก็มารวมกันใหม่ เป็นซ่องโจรอีก อย่างนี้เรารับไม่ได้ ส่วนพรรคที่ยังไม่กระทำผิดเราจะไปว่าหรือห้ามอะไรเขาไม่ได้ ดังนั้นคนเหล่านี้ควรยุติบทบาททางการเมือง เพราะหากบริหารบ้านเมืองประเทศชาติคงไม่มีอนาคต และยิ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าคนเหล่านี้เขามาในสภา โดยการซื้อเสียง และเคยโกงกินมาก่อน จะมีใครกล้าสาบานหรือไม่ว่าไม่เคยซื้อเสียงเข้ามา ดังนั้นเราจึงต้องทำการเมืองใหม่ เพื่อกำจัดคนประเภทนี้ออกไป
ฉุน ปชป.พลิกหนุน “สมชาย”
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ออกมาสนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มพันธมิตรฯ ยอมรับได้หรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า เราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่พันธมิตรเพื่อประชาธิปัตย์ ดังนั้น จะเอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ เขาคือนักการเมือง นักเลือกตั้ง แต่พันธมิตรฯไม่ใช่ เราไม่ได้เอาพรรคใดมาเป็นสรณะ เมื่อถามว่า หากมีการยุบสภากลุ่มพันธมิตรฯ จะยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลองตอบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของพันธมิตรฯ เพราะบทบาทของเราคือการหยุดยั้งความชั่วร้ายและเข้ามาทำการเมืองใหม่ อย่างไรก็ตาม การยุบสภายังมาไม่ถึง ต้องว่ากันไปตามสถานการณ์
ด่าซ้ำ รบ.แห่ง ปชป.การเมืองน้ำเน่า
ส่วนแนวคิดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาตินั้น พล.ต.จำลองตอบว่า รัฐบาลแห่งชาติ ก็เหมือนรัฐบาลแห่งพรรคของประชาธิปัตย์ เพราะแนวคิดดังกล่าวเป็น การเอานักการเมืองน้ำเน่าเก่าๆ ที่มะรุมมะตุ้มอยู่ในสภาฯ ก็เปรียบเสมือนการพายเรืออยู่ในอ่าง เอาของเน่ามาผสมกับของเน่าก็ทำให้ยิ่งเน่าไปใหญ่ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้
ระบุนายกฯแต่งตั้งดีกว่าเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามแนวทางการเมืองใหม่ พล.ต.จำลอง ตอบว่า การเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯเสนอยังคงเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่ การเลือกตั้งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยนักการเมืองต้องมาจาก 2 ส่วนคือ มาจากการเลือกตั้ง อีกส่วนหนึ่งมาจากการสรรหาจากวิชาชีพ เพราะหากยังเป็นการเลือกตั้งแบบเดิม จะทำให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีทางเข้ามาได้ จะมีก็แต่นักการเมืองเพียงไม่กี่กลุ่มที่สลับกันยึดครองประเทศเหมือนเดิม ปัญหาของประชาชนก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ เราจะไปเอาอย่างประเทศฝั่งตะวันตกที่เลือกตั้งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะไม่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนไทย
ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เราต้องตื่นและอยู่กับความเป็นจริง คนไทยต้องเชื่อมั่นในระบอบวัฒนธรรม และจุดยืนของความเป็นไทย อย่าไปยึดติดกับตำราฝรั่ง ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเราไม่ได้บอกว่าจะต้องมาจากคนนอก แต่ที่ผ่านมานายกฯเรามีตัวอย่างนายกฯแต่งตั้งที่ดีคือ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และนายอานันท์ ปันยารชุน ที่แม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็มีผลงานมากมาย ดีกว่านายสมัคร สุนทรเวช นายบรรหาร ศิลปอาชา และ พ.ต.ท.ทักษิณที่โกงการเลือกตั้งเข้ามา
เมื่อถามว่า แสดงว่าพันธมิตรฯต้องการนายกฯ คนนอกใช่หรือไม่ พล.ต.จำลองตอบว่าไม่ใช่อย่างนั้น นี่เป็นเพียงแค่การยกตัวอย่าง การเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ควรมีสัดส่วนมาจากการสรรหา อย่าให้พวกนักการเมือง มาครองสภาฯแบบเก่าอีก และจะเห็นว่านักการเมืองที่มาจากการแต่งตั้ง ส่วนใหญ่จะดีกว่าการเลือกตั้ง
พธม.ลั่นไม่รับรัฐบาล พปช.
กระทั่งเวลา 21.25 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 22/ 2551 ของพันธมิตรฯ เพื่อประกาศจุดยืนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยระบุว่า “รัฐบาลประชาภิวัฒน์เท่านั้นที่จะแก้ไขวิกฤติชาติได้” ทั้งนี้ ในแถลงการณ์อ้างถึงแถลงการณ์ฉบับที่ 21/2551 เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 และกล่าวว่า ขณะนี้ได้เกิดขบวนการและความพยายามในการบิดเบือนข้อมูล แอบอ้างความเรียบร้อยและความสงบเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงเพื่อมิให้ประชาชนสนใจต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม ทุจริตคอรัปชัน ขายชาติ และย่ำยีกฎหมาย พร้อมๆ กับความพยายามที่จะนำเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลหุ่นเชิดเพื่อให้พรรคพลังประชาชนแสวงประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวไม่มีสิ้นสุด ดำรงวิกฤติที่สุดในโลกและความล่มจมประเทศชาติต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และมีภรรยาถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอรัปชันและร่ำรวยผิดปกติ, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรมหุ่นเชิด ผู้ที่ได้โยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เป็นคนใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชินวัตร หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ที่มีประวัติด่างพร้อยร่วมกับรัฐบาลทักษิณออกสลากพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัวโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนแสดงพฤติกรรมช่วยเหลือในการคืนเงินที่อายัดให้กับครอบครัวชินวัตร ดังนั้น พันธมิตรฯ จึงไม่ต้องการ “นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดหรือรัฐบาลผสมที่มีส่วนร่วมจากพรรคพลังประชาชน”
เสนอจัดตั้ง “สภาประชาภิวัฒน์”
นายสนธิยังกล่าวถึงจุดยืนของพันธมิตรฯอีกว่า ไม่ต้องการรัฐบาลแห่งชาติที่มาจากการส่งตัวแทนทุกพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงไม่ต้องการ การรัฐประหารเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง พร้อมเสนอทางออกในการแก้วิกฤติทางการเมืองในครั้งนี้ด้วยการให้มี “รัฐบาลประชาภิวัฒน์” ซึ่งมีหลักการคือ ส่งเสริมให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง มิให้คนไม่ดีมีอำนาจ โดยขอให้นักการเมืองในรัฐสภายอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ยอมให้บุคคลที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย มีความสามารถ และมีความจริงใจในการแก้ไขวิกฤติของบ้านเมือง ให้เข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ปราศจากตัวแทนผลประโยชน์ของกลุ่มการเมือง และปราศจากตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ของกลุ่มทุน และให้รัฐบาลประชาภิวัฒน์เข้ามาดำเนินการภารกิจเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขวิกฤติของบ้านเมือง ทั้งนี้ รัฐบาลประชาภิวัฒน์ จะมาจากองค์กรประชาชนทุก ภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ เพื่อกำหนดอนาคตและทิศทางของประเทศชาติร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาสร้างสรรค์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขทั้งเนื้อหา รูปแบบ โครงสร้างทางการเมืองและวัฒนธรรมทางการเมือง ที่อยู่บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเพื่อความเป็นธรรมในสังคม และรับผิดชอบโดยให้ประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง ร่วมกำหนด “วาระแห่งชาติ” รวมถึงร่วมกับประชาชน เพื่อทำให้เกิด “สภาประชาภิวัฒน์” ที่มีองค์ประกอบหลากหลาย กว้างขวาง เพื่อนำพาประเทศให้พ้นจากวิถีการเมืองแบบเดิม ที่เอื้อต่อการทุจริต คอรัปชัน ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อหลบเลี่ยงจากการตรวจสอบ และไม่ตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชน
By น.ส.ศิวะพร จันทร์ตรี ID 5131601599
พันธมิตรฯ ไม่เอา3 ส. แน่ อยากให้ระดมความคิดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แก้ไขสถานการณ์ชั่วคราว 1 ปี พร้อมเสนอ ชวน เป็นนายกฯ
นายสมโชค จันทร์ทอง เลขาธิการแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือ กล่าวว่า การประกาศยกเลิกการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร (พ.ร.ก.) เป็นเรื่องที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่างเฝ้ารอ เพราะการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกับสถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากต่างประเทศกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวต่างๆ ของไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว การประกาศยกเลิกนั้นต้องถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของการเมืองไทย เหมือนการจุดประกายให้มีแสงสว่างดวงเล็กๆ ที่ปลายทางของปัญหาทั้งหมด ต้องขอชื่นชมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดเรื่องดีๆ เช่นนี้ได้
นายสมโชค ยังกล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ไปคงต้องช่วยกันคิดเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุด ได้แต่หวังว่าพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่ดื้อรั้นเสนอชื่อ 3 ส.ขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพราะพันธมิตรฯ คงไม่เอาด้วยแน่ๆ จึงจะเป็นสื่อกลางในการบอกต่อไปยังผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ให้มาระดมความคิดเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแก้ไขสถานการณ์ชั่วคราวสัก 1 ปี แล้วค่อยจัดการเลือกตั้งใหม่ ถ้าให้เลือกตอนนี้คงไม่มีใครเหมาะสมเท่าอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ที่มีประสบการณ์สูงมากที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็คงมีกระแสการต่อต้านอย่างแน่นอน ต่อจากนี้ไปสถานการณ์ต่างๆ คงจะคลี่คลายขึ้นบ้าง ซึ่งคงไม่มีเหตุการปะทะกันอีกครั้งแน่ๆ และเราก็เชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง
By น.ส.ศิวะพร จันทร์ตรี ID 5131601599
หากมีการเสนอ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน) ทางกลุ่มคงต้องมีการหารือว่าจะสนับสนุนหรือไม่ แต่ต้องปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่ นายบุญลือ กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า กลุ่มอีสานพัฒนาอยู่ระหว่างการประชุมเช่นกันว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีโดยยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน เนื่องจากแต่ละคนใน 3 ส. นั้นมีคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ระบุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงส่งกำลังเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลได้ประกาศยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในท้องที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวานนี้(14 ก.ย.) เพื่อพยายามไม่ให้เกิดการปะทะกันของผู้ชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่อาจมีการเพิ่มเติมกำลังได้หากมีความจำเป็น
ส่วนรัฐบาลจะอยู่นานหรือไม่นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า คงไม่นานมาก เพราะขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาเฉพาะหน้าหลายเรื่อง และมีเสียงสนับสนุนให้คืนอำนาจให้ประชาชน จึงต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นกติกาที่ยอมรับกันได้ แต่ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์บอกว่าจะเอาการเมืองใหม่มาใช้นั้น เราคงยอมไม่ได้ ดังนั้น ทางออกคงต้องให้ประชาชนตัดสิน เพราะเราไม่คิดว่าจะเป็นรัฐบาลที่ยาวนาน เพราะถึงอย่างไรพรรคก็ถูกยุบอยู่ดี และเมื่อยุบพรรคสมาชิกก็สามารถหาพรรคใหม่ และตั้งรัฐบาลใหม่ได้ แต่หากยุบสภา จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ส.ส.ก็ต้องไปอยู่พรรคอื่นก่อน
จักรภพ เพ็ญแข:ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงนามในคำสั่งดำเนินคดี จักรภพ เพ็ญแข หมิ่นเบื้องสูงแล้วพล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)กล่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งเพื่อดำเนินการคดีหมิ่นสถาบันของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้ว ทั้งนี้ หลังจากนี้ไปทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะร่วมกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมกับสำนวนให้กับทางสำนักงานอัยการสูงสุดโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดวัน เวลา ส่งตัวได้ คงต้องรอการประชุมสรุปผลของคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันก่อน ด้าน พล.ต.ต.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม ยืนยัน ยังไม่ได้มีการติดต่อกับนายจักรภพ ในการเข้ามอบตัวหรือส่งตัวให้กับทางสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อย่างใด ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ในขั้นตอนการรอสำนวนคดีส่งกลับลงมาจากผู้บังคับบัญชา และยังรอว่าคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันจะมีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนเมื่อใด
พรรคพปช.นัดประชุมกรรมการบริหารพรรค เลือก สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั่งนายกฯ เวลา 10.00 น.วันนี้ (15ก.ย.) ก่อนเสนอชื่อให้ที่ประ ชุมใหญ่พรรคลงมติ เวลา 14.00 น.วันเดียวกัน
(15ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เวลา 10.00 น.พรรคพลังประชาชน ได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนจะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ของพรรคลงมติอย่างเป็นทางการในเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า มีการวิเคราะห์ของส.ส.พรรคพลังประชาชน ล่าสุดนายสมชาย น่ามีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ คนใหม่มากที่สุด เพราะเป็นสายตรงตระกูลชินวัตรและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องการจะผลักดันนายสมชาย ผู้เป็นสามี ขึ้นรับตำแหน่ง โดยอ้างถึงความเหมาะสม ความอาวุโส ประสบการณ์การทำงาน และมีบุคลิกประนีประนอม แม้บางส่วนจะติติงว่าอาจโดนโจมตีเรื่องสายสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มองว่ารัฐบาลนี้อยู่ไม่นาน เพราะคดียุบพรรคน่าเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ถ้าสถาน การณ์เป็นแบบนี้ก็ควรจะเสี่ยงให้นายสมชายขึ้นเป็นผู้นำดีกว่า
ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แกนนำภาคเหนือ โอกาสน้อยลงไปแล้ว และทราบมาว่านายสมพงษ์ไม่ต้องการรับตำแหน่งนายกฯ เพื่อป้องกันการเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือและภายในพรรคด้วย อีกทั้งเมื่อมองประสบการณ์การทำงานแล้ว นายสมพงษ์ยังด้อยกว่าคนอื่นๆ
ขณะที่นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่กลุ่มเพื่อนเนวินผลักดันนั้น แม้มีความสามารถและภาพลักษณ์ดี ก็ไม่น่าได้รับโอกาสนี้ เพราะภาพของ นพ.สุรพงษ์ ยังผูกติดกับแก๊งออฟโฟร์ หากยังขืนเสนอชื่อขึ้นเป็นนายกฯ ปัญหาในพรรคก็อาจไม่ได้รับการแก้ไข รวมทั้งอาจเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงในพรรคขึ้นอีก
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นต่างทราบว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอนายสมชายเป็นนายกฯก็ยอมรับได้ เพียงแต่พรรคร่วมได้ยื่นเงื่อนไขอื่นประกอบ อาทิ การปรับ ครม.ชุดใหญ่ เพื่อกู้ภาพลักษณ์รัฐบาลให้กลับมาเร็วที่สุด และเตรียมกรุยทางให้ ส.ส.ในพรรคในการชิงคะแนนนิยมทางการเมือง รวมทั้งปูทางให้พรรคสำรองอย่างพรรคเพื่อไทยด้วย
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน คนสนิทนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภา เพื่อให้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในวันที่ 17 กันยายน หากเกิดสถานการณ์อะไรที่ทำให้ไม่ลงตัว พรรคจะเสนอนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เข้าไปแทน ส่วนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะติดคดีหวยบนดินอยู่ ซึ่งคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องปลอดสารพิษ เคลียร์ตัวเองต่อสังคมได้
พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 3 เดือนนี้ พรรคพลังประชาชนจะต้องถูกยุบแน่นอน โดยสมาชิกพรรคทั้งหมดจะไปสังกัดพรรคเพื่อไทยด้วยกัน ยกเว้นสมาชิกพรรคบางส่วนที่จะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น หรือไปตั้งพรรคการเมืองใหม่
รายงานว่า กลุ่มอีสานใต้ของนายเนวิน ชิดชอบ นัดหารือที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในกทม.เพื่อผลักดันนพ.สุรพงษ์ขึ้นเป็นนายกฯ หลังจากพลาดจากการผลักดันนายสมัคร เพราะว่าเกมนี้นายเนวินต้องการขับเคลื่อนให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นกลุ่มอีสานใต้จะหมดบทบาทในพรรคทันที เพราะมีหลายกลุ่มในพรรคไม่พอใจกลุ่มเพื่อนเนวินนานแล้ว หากนายเนวินปล่อยให้เกมนี้แพ้ เท่ากับว่าการต่อรองทางการเมืองในพรรคจะหมดไปทันที ดังนั้นนายเนวินจึงพยายามล็อบบี้ส.ส.ให้ได้มากที่สุดในการสนับสนุนนพ.สุรพงษ์และอาจมีความหมายอีกอย่างคือกลุ่มนี้เสนอชื่อนายกฯขึ้นไปหาก นพ.สุรพงษ์ไม่ได้รับชัยชนะในการเสนอชื่อกลุ่มนี้ก็จะใช้เป็นเหตุผลป้องกันการปรับครม.ในกลุ่มตัวเองที่อาจโดนปรับออกไปบางส่วนด้วย
By น.ส.ศิวะพร จันทร์ตรี ID 5131601599
แกนนำพรรคพลังประชาชน ประกอบด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เข้าหารือกับ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ที่บ้านพักนายบรรหารย่านจรัญสนิทวงศ์ ซอย 55 โดยนายบรรหารยังยืนยันจะร่วมรัฐบาลกับพลังประชาชน แต่ขอให้ไปคัดเลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ชัดเจนก่อนแจ้งให้ทางพรรครับทราบ แต่ฝากข้อสังเกตถึงคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นคนที่อ่อนโยน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ปรองดองกับทุกฝ่าย และเห็นว่าทั้ง 3 ส. ดูดีเหมาะสม ส่วนกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อยู่ในฐานะน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นปัญหาหรือทำให้เกิดแรงเสียดทานหรือไม่ ยังไม่ขอพูดถึง เพราะยังไม่ได้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าอดีตพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค จะยังจับมือกันเหนียวแน่น ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเลือกใครเป็นนายกก็ตาม
ก่อนหน้านี้ในช่วงเย็น แกนนำพรรคพลังประชาชนได้เข้าหารือกับนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งพรรคมัชฌิมาธิปไตยตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลเช่นกัน .-สำนักข่าวไทย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มีตัวเต็ง 3 ส.จากพรรคพลังประชาชนว่า ให้ความเห็นไม่ได้ เพราะทหารไม่มีหน้าที่พูด หากพูดไปจะทำให้เสียวินัย แต่เชื่อว่าบุคลิกของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องการเหมือนประชาชนทุกคนที่ต้องการ และเรื่องนี้ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการการเมืองที่จะต้องแก้ไขต่อไป. -สำนักข่าวไทย
By น.ส. ศิวะพร จันทร์ตรี ID 5131601599
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัคร หลุดตำแหน่งนายกฯ มติศาล 9-0 ขาดคุณสมบัติ
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551
ปลูกข้าวในทำเนียบ
นักศึกษากู้ชาติ 80สถาบัน หยุดเรียนไล่ สมัคร
“สมพงษ์” ไม่เสียดายงบทำประชามติ 2,000 ล้าน- ชี้ ดีกว่าไม่ทำแล้วเสียหายเป็นหมื่นล้าน
วันนี้ (6 ก.ย.) นายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงคดีออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรว่า ขอให้พันธมิตรเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมมามอบตัวและประกันตัวไป แล้วกลับไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลได้ ก็ไม่มีปัญหา ทำเนียบไม่ได้หนีไปไหน อยู่ที่นั่นก็อยู่ไปเถอะ อยู่ได้ก็อยู่ไป รัฐบาลก็ทำงานไป แต่ควรแสดงความเคารพศาล เชื่อมั่นวิธีพิจารณากฎหมาย ซึ่งศาลให้ความเป็นธรรมเสมอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการทำประชามติจะเป็นทางออกแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า การทำประชามติเป็นการถามความเห็นประชาชน ว่าการกระทำของทั้งสองฝ่าย เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับใคร ซึ่งตนก็จะลงพื้นที่ไปถามชาวบ้าน 3-4 อำเภอ ด้วยเหมือนกันและเชื่อว่าจะไม่สร้างความแตกแยกในสังคมเพิ่มขึ้น เพราะหากสังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพันธมิตร รัฐบาลก็ต้องไป แบบขี่ม้าออกไปเลย ส่วนเรื่องของงบประมาณในการทำประชามตินั้น ตนคิดว่าคุ้มค่าแล้ว เพราะแม้วการทำประชามติ จะต้องใช้เงิน 2,000 ล้านบาท แต่ตนคิดว่าหากไม่ทำประเทศก็อาจเสียหายนับหมื่นล้านบาททีเดียว
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการทำประชามติน่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศได้ เพราะหากจะยุบสภาก็ต้องเป็นเหตุผลที่สมควรแก่เหตุ เช่น มีเรื่องความเห็นแตกต่างในสภา ชนิดที่ไม่สามารถตัดสินใจในสภาและไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ต้องส่งเรื่องกลับไปให้ประชาชนตัดสิน แต่ถ้ายุบสภาเพราะมีคนมายึดทำเนียบรัฐบาล ไทยก็จะถูกตั้งคำถามจากทั่วโลกว่ายังมีหลักเกณฑ์ มีกติกากันอยู่หรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลประชามติออกมาว่าให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้ยุบสภา รัฐบาลจะทำอย่างไร นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า “เอาเลย พร้อมเลย ถ้าประชามติบอกว่า รัฐบาลไม่ควรอยู่ต่อไปแล้ว เราก็ไป เพราะว่ากระบวนการประชามติ เป็นกระบวนการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ และประชาชนส่วนใหญ่ให้ความเห็นแบบนั้น รัฐบาลต้องยอมรับและต้องไป แต่ตอนนี้นายกฯยังสู้ต่อไป เพื่อรักษากติกาของบ้านเมือง ไม่ใช่เพราะยึดติดกับตำแหน่ง หรือรองบประมาณอย่างที่มีใครตั้งข้อสังเกตกัน”
เมื่อถามว่า คิดว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เรื่องปฏิวัติไม่เคยอยู่ในความคิดของรัฐบาลเลย เพราะถ้ามีการปฏิวัตอีกครั้ง ประเทศไทยจะกลายเป็นแบบประเทศพม่าไปเลย
ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 74 ปีในวันที่ 7 ก.ย.นี้ โดยมีประชาชนจังหวัดพิจิตรประมาณ 2,000 คน ได้ร่วมกับจัดงานดังกล่าว โดย พล.ต.สนั่นกล่าวว่า รัฐบาลควรยกเลิกภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแ ละเพื่อเป็นการลดการกดดันของทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนเรื่องของการทำประชามตินั้น ตนเชื่อว่าจะมีต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และหากผลประชามติออกมาว่ารัฐบาลควรลาออกหรือยุบสภา รัฐบาลก็ต้องยอมรับความจริง เพราะรัฐบาลเป็นผู้เสนอให้มีการทำประชามติเอง นอกจากนี้ตนยังเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ในเร็วๆ นี้
“หมัก” เซ็งทหาร-ศาล จัดการ พธม.ไม่ได้ กร้าว! ไม่เจรจา
ย้ำลุยทำประชามติหาทางออก
นายสมัคร กล่าวถึงเรื่องแนวคิดการทำประชามติเพื่อเป็นทางออกของสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ว่า ทุกอย่างอยู่ในขั้นเตรียมการ ซึ่งเป็นการทำเพื่อหาทางออก มันดีที่ว่าประกาศออกมาแล้ว แบ่งข้างกันเลย จะได้รู้ว่าใครเป็นใครอย่างไร แบ่งความคิดกัน เมื่อถามว่ามันจะยิ่งเป็นการทำให้คนแตกแยกหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า แล้วเวลาเลือกตั้งมันก็เลือกข้างใช่หรือไม่ พลังประชาชน ประชาธิปัตย์
เมื่อถามว่าจะทำอะไรเพื่อให้มันมีความสมานฉันท์ก่อนที่มันจะไปถึงจุดนั้น นายสมัคร กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ สภา ก็เอาไม่อยู่ ใช้วิธีนุ่มนวลทางศาลก็เอาไม่อยู่ ประกาศภาวะฉุกเฉินให้ทหารไปช่วยดูแลก็เอาไม่อยู่ ทหารบอกว่าเป็นกำแพงแต่ไม่มีประตู ประตูอยู่ที่สภา ก็พบประตูคือมาตรา 165 และก็กำลังทำกรรมวิธีที่จะออกวิธีนี้ จะสำเร็จหรือไม่ไม่เป็นปัญหา วุฒิสภาเริ่มดำเนินการให้แล้ว มีเวลาทำ 90 วัน แต่ว่าได้รับหลักการแล้วและจะได้ภายใน 7 วัน แปรญัตติแสดงว่าไม่นานก็สำเร็จ ในวงเล็บ 2 ที่ขัดรัฐธรรมนูญเขาบอกว่า เช่น ออกประชามติว่าห้ามไม่ให้ใช้มาตรา 63 อย่างนี้ ลงประชามติไม่ได้ ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 50 อย่างนี้ลงประชามติไม่ได้ คำอธิบายหมายความอย่างนี้ นึกว่าใครจะเข้าใจเรื่องพรรค์นี้ ในเมื่อไม่เข้าใจ ก็อธิบายให้ฟัง
ลั่นทำเพื่อรักษากฎเกณฑ์บ้านเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายติงว่าการทำประชามติไม่ใช่ทางออก นายสมัคร ย้อนถามว่า รัฐบาลไม่มีฝ่ายบ้างหรือ กระทรวงทั้งหมด 20 กระทรวงอ้างไม่ได้หรือ ตนคิดว่าอ้างกันเกินเหตุ ขอย้ำอีกทีว่าอะไรก็ตามแต่ คนพูดหนึ่งคน อัยการพูดหนึ่งคน ก็ไปออกข่าวว่าอัยการต่อต้านรัฐบาล แล้วอัยการตั้งเป็นพัน เขาเดือดร้อนไหม พูดกันว่าจะตัดน้ำตัดไฟ แล้วคนที่เขาไม่ตัดคุมไฟอยู่เขาก็เดือดร้อน เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเข้าไปเจรจาพันธมิตรฯ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ คือเขาไม่อยากเจรจรกับตน และตนก็ไม่ต้องเจรจากับเขา
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้คนกลางเข้ามาประสานการเจรจาเช่นประธานวุฒิสภา นายสมัคร กล่าวว่า เรื่องของท่านไม่ใช่เรื่องของผม แต่สำคัญที่ว่าผมประหลาดใจ ในบ้านเมืองอะไรที่มันเป็นหลักเกณฑ์ไม่ยึดถือ แต่ไปมองสิ่งที่เขาตั้งคณะขึ้นมาแล้วเรียกร้อง ถ้าวันข้างหน้านายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ แล้วมีคณะเข้ามาออกให้ออกไป อย่างนี้จะมีคนยอมไหม
“ถามว่าที่ผมทำอย่างนี้เพื่อใคร ทำเพื่อไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองของเราถูกชาวโลกเขาดูแคลน ว่าบ้านเมืองไทยมันป่าเถื่อน เลือกตั้งมาเสร็จ มีคณะมาบอกว่าไม่ชอบไม่ได้ มึงออกไป ที่มันน่าประหลาดคือคนมีสติปัญญาความรู้ ออกมาพูดจาทำนองว่าคนที่เขาไล่ ไอ้คนที่อยู่ไม่ถูกต้อง ผมประกาศเลยว่าผมไม่มีวันยอมให้สถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้เลย คนทั้งประเทศต้องเฝ้าดูว่าตกลงใครมันผิด ใครมันเลว ถึงได้อยากให้ประชาชนเป็นคนวินิจฉัยด้วยการลงประชามติ ไม่ใช่ว่าคณะนั้นเป็นคนสำคัญหนักหนา เพียงแต่เป็นคนที่ทำให้บ้านเมืองหาทางออกไม่ได้”นายสมัครกล่าว
โต้ข้อหารวบอำนาจ ยันมอบให้ทหารหมด
นายสมัครกล่าวว่า ตนกับผบ.ทบ.ได้คุยกันเมื่อวานนี้ (4ก.ย.) มันเป็นแบบที่ฝรั่งเรียกว่า “ฟอร์มาลิตี้” จะต้องตั้งคณะ เสร็จแล้วอำนาจทั้งหลายที่มันอยู่ในรัฐมนตรี 21 คน ขอให้มาอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีคนเดียว ตอนท้ายก็มอบอำนาจให้พล.อ.อนุพงษ์ ขอถามหน่อยว่าเวลานี้ที่พูดจากระแนะกระแหน ว่านายกรัฐมนตรีกับทหารขัดแย้งกัน นายกฯประกาศรวบอำนาจมาไว้ที่ตนเองหมด ก็ไอ้ที่ลงท้ายว่ามอบให้ทางทหารเป็นคนดำเนินการ แล้วทำไม ก็เอาไปพูดจาว่ากล่าวขัดแย้งกันแล้ว อย่างโน้นอย่างนี้ ตนต้องเห็นใจฝ่ายทหาร เพราะรัฐบาล สภา ศาล เอาไม่อยู่ ทหารก็เอาไม่อยู่ เพราะอะไร เพราะสังคมไทย เดี๋ยวนี้บอกไม่ได้ ฝรั่งมังค่าเขาบอกอะไร เขาบอกได้ปืนต้องยิง ได้ดาบต้องฟัน เราบอกสังคมไทยเวลานี้ไม่ได้แล้ว ได้ปืนต้องพกใส่ซองไว้ก่อน ทำอะไรไม่ได้เลย
เตรียมเลิกพรก.ฉุกเฉินหลังเป็นแค่เศษกระดาษ
นายสมัครกล่าวอีกว่า เรื่องทั้งหมดเราดูก่อนที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน คนที่เขาเคารพกฏหมายก็เลิกชุมนุม ถ้าคนไม่เคารพกฎหมายเขาก็อยู่ ทั่วโลกเขาจึงมองว่าเมืองไทยกฎหมายบังคับไม่ได้แล้ว ใครจะไม่ต้องยอมก็ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ตรงนี้เราก็เริ่มอับอายเขา จึงเลือกมาตรา 165 ที่เปิดช่องให้ เท่านั้นเอง เมื่อถามว่าหากการใช่พรก.ฉุกเฉินไม่ได้ผล จะพิจารณายกเลิกไปก่อนหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า “ผมคิดก่อนคุณอีก เพราะว่าทำเอาไว้อย่างนี้ แล้วคนขัดขืนอย่าง มันเสียหายกับพ.ร.ก.ผมจะปรึกษาหารือกันวัน 2 วันนี้ ธรรมดาอยู่ได้ 3 เดือน แต่ผมจะไม่ลากถึงอย่างนั้นหรอก เมื่อคนอยู่ในขอบเขตเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถจัดการอะไรได้ ไม่เป็นปัญหา แต่เรื่องจะต้องประชุมปรึกษากัน เพราะก่อนประกาศก็ยังปรึกษาหารือ อยู่ดีๆ ไม่ปรึกษาหารือก็ไม่ควร
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะพิจารณายกเลิกพรก.เร็วๆนี้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เมื่อใช้แล้วเขาไม่เคารพ มันไม่ต้องออกก็ได้ ก็ยังไม่ต้องเสนอข่าวกันมาก ตนไปปรึกษาหารือกันก่อน แต่การคุยกันนั้นมันต้องแสดงความรู้สึกจริงใจว่าคิดอะไรยังไง หนทางที่กำลังหาทางออกนั้น ออกได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่กำลังหาทางอยู่ เจอประตูแล้ว ตอนนี้กำลังหากุญแจอยู่ ถ้าเปิดได้ ก็ไม่ต้องพังประตู
ไม่เห็นด้วยตื่นตระหนกปิดโรงเรียนวุ่นวาย
เมื่อถามว่าหากทำประชามติไปแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯไม่ยอมรับอีกจะทำอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ประชาชนทั้งประเทศจะเป็นคนจัดการ ประชามติคือคนทั้งประเทศจัดการ คะแนนมันออกเท่าไหร่จะได้ดูใจ จะได้ดูว่าคนไทยอยากอยู่แบบไม่มีกฎ ไม่มีเกณฑ์ มีเท่าไหร่ จะรักษากฎเกณฑ์มีเท่าไหร่ เรากำลังเลือกหนทางไม่แตะ ไม่ต้อง ไม่ทำลาย ไม่ให้เกิดเรื่อง ก็หวังใจว่าสื่อที่ฟังแล้วเข้าใจ แล้วไปอธิบายให้คนเข้าใจ ก็แปลว่าได้ช่วยกัน ตอนนี้ต่างชาติกำลังมองเราอยู่ อยู่กันดีๆ แท้ ๆ พื้นที่กรุงเทพกว้างใหญ่ แต่พื้นที่เกิดเหตุ ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ ตารางกิโลเมตรด้วยซ้ำไป นอกนั้นชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติ ตนถึงบอกว่าปิดทำไมโรงเรียน รอบๆผิดเห็นด้วย ไกลๆไม่ต้องปิด
ฉะ"อภิสิทธิ์"ไร้เหตุผลพูดสงครามกลางเมือง
เมื่อถามว่าผู้นำฝ่ายค้านแสดงความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจกลายเป็นสงครามกลางเมือง นายสมัคร กล่าวว่า “หัวหน้าฝ่ายค้านมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่ผมไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย คนไทยจะไม่มีวันให้เกิดเรื่องนี้ได้เลย คนไทยทุกคนรักบ้านรักเมือง ถ้าเป็นคนไทยจริง ๆ ต้องไม่เอ่ยถึงคำนี้ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะเอ่ย คนหยิบมือหนึ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับมีคนสำคัญของบ้านเมืองเอ่ยว่าจะมีสงครามกลางเมือง มันเกิดยังไง ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอาวุธ ตำรวจทหาร ก็ไม่ใช้อาวุธ ต้องรู้สึกบ้างว่าบ้านเมืองของเรามันอยู่เรียบร้อย ผมจึงบอกว่าอย่าไปเอ่ยถึงได้ไหม ไม่ได้กลัวไม่ได้เกรง แต่มันไม่มีเหตุที่จะต้องไปเอ่ย
จวกนักข่าวถามเหมือนบ้านเมืองวายวอดไปแล้ว
เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าทั้งฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรฯ ทำให้สังคมแตกขั้ว นายสมัคร กล่าวว่า ตกลงว่ารัฐบาลที่เป็นคนรักษาการณ์ เป็นคนผิดใช่หรือไม่ คนที่มันก่อการยึดทำเนียบไม่ผิดเลย ผู้สื่อข่าวแย้งว่าน่าจะผิดทั้งคู่ นายสมัคร สวนมาทันทีว่าไม่ได้ มันไม่ได้ ผิดทั้งคู่ก็ไม่ได้ ตนรักษาบ้านเมืองให้เรียบร้อย ต้องใช้วิจารณญาณให้ดี ว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดปัญหา บัดนี้ชี้นิ้วชี้หน้ามาทางตน มันไม่ได้หรอก
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีควรควบคุมสถานการณ์ให้คนไทยทุกคนมีความเท่าเทียมกัน และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือไม่ นายสมัคร กล่าวเหน็บว่า โหย...ฟังคำพูดแล้วเก๋ไก๋เต็มที มีสิทธิเท่าเทียมกัน แล้วมีใครเสียสิทธิ์เวลานี้ในบ้านเมือง ไหนลองบอกตนมาสิ เมื่อถามว่ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย นายสมัคร ย้อนถามอีกว่า ขัดแย้งขนาดไหน อย่างไร ใครขัดแย้งกับใคร
ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่าขนาดคนในครอบครัวยังทะเลาะกัน นายสมัคร กล่าวว่า ก็รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน บ้านตนไม่ทะเลาะ ทุกคนเขาเห็นตรงกับที่ตนทำ บ้านเมืองต้องรักษาไว้อย่างนี้ บ้านอื่นเห็นไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร สุดแต่วิจารณญาณของแต่ละคน ตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนดำเนินการมีความเหมาะสม ฝ่ายทหารก็เห็นชอบด้วย ผู้คนในบ้านเมืองก็เห็นชอบด้วย คนส่วนหนึ่งไม่เห็นชอบก็ไม่เป็นปัญหา แต่การตั้งคำถามของพวกผู้สื่อข่าวมันเหมือนว่าบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอดหมดแล้ว มันทะเลาะกันจับเป็นคู่ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น ข้อสำคัญที่สุดถึงบอกว่าให้วัดกันที่การลงคะแนนประชามติเอาไหม แค่นั้นเอง
“ปธ.วุฒิฯ” เผย ประสานเจรจาพันธมิตรฯ ผบ.ทบ.เรียบร้อยแล้ว โดยเสาร์-อาทิตย์ นี้ จะหารือร่วมถึงแนวทางเจรจา รวบรวมข้อเรียกร้องทุกฝ่าย เตรียมเสนอที่ประชุม 3 ฝ่าย จันทร์นี้ วอนทุกฝ่ายเคารพกติกา คาด มีแนวโน้มดี เมิน “หมัก” ประกาศไม่เจรจา เชื่อมีหลายวิธีที่จัดการได้ตามระบบรัฐสภา ด้าน “พิภพ” ยันไม่มีการเจรจา วันนี้ (5 ก.ย.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวหลังจากได้รับมอบหมายจากการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่าง ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และ ผู้นำฝ่ายค้าน ให้เป็นคนกลางประสานการเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางยุติเหตุการณ์ที่กระทบต่อความสงบของประเทศ ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และตัวแทนจากกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวแทนในฝ่ายพันธมิตรฯได้ ซึ่งในวันเสาร์ และอาทิตย์ นี้ จะมีการหารือร่วมกันถึงแนวทางในการเจรจาและรวบรวมข้อเรียกร้องต่างๆ ทั้งนี้ ตนจะนำผลการเจรจาเบื้องต้นนี้เสนอต่อที่ประชุม 3 ฝ่ายอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 กันยายน เวลา 12.00 น.แต่เท่าที่เจรจาเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นผลดีต่อสถานการณ์บ้านเมือง เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้คู่ขัดแย้งคือรัฐบาลกับพันธมิตร ดังนั้น จะประสานกับรัฐบาลโดยตรงหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำหน้าที่ในส่วนนั้น ทั้งนี้ จะมีตัวแทนทำหน้าที่ประสานงานกับรัฐบาลต่อไป ส่วนที่มี ส.ว.บางส่วนเสนอให้ นายกฯ ยุบสภานั้น นายประสพสุข กล่าวว่า ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ก็ต้องเห็นถึงความสงบของประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใด ขอให้ทุกฝ่ายต้องเคารพกติกา เมื่อถามว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งของรัฐบาลและพันธมิตรฯ แต่สภาต้องมารับหน้าที่แก้ปัญหา นายประสพสุข กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของทุกคน ดังนั้นคนไทยทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบ ส่วนกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะไม่เจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ตนเห็นว่า นายกฯ ไมได้เป็นคนไปเจรจาเอง แต่ตนเป็นคนที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งนายกฯ คงไม่ทราบเรื่องที่รัฐสภากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และแม้ท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรีจะไม่ยินยอมปฏิบัติตาม รัฐสภาก็มีหลายวิธีการดำเนินการที่สามารถดำเนินการได้ตามระบบรัฐสภา ขณะที่ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ยังไม่มีแกนนำไปเจรจากับประธานวุฒิสภาแต่อย่างใด By นาย กีรติ์ กำปั่นทอง Id : 5131601247 |
เมื่อวัดความพึงพอใจจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่าความพึงพอใจของชาวต่างประเทศลดต่ำลงในวงจำกัด 3 ด้าน คือ ด้านสถานการณ์การเมือง ชาวต่างประเทศพอใจลดต่ำสุดจาก 6.27 มาอยู่ที่ 4.96 ด้านสภาวะเศรษฐกิจลดจาก 6.59 มาอยู่ที่ 5.91 และด้านความเป็นธรรมในสังคมลดจาก 6.02 มาอยู่ที่ 5.57
นายนพดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อถามว่าจะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกหรือไม่ ส่วนใหญ่ตอบว่า จะกลับมาอีก คือ ร้อยละ 96.7 ก่อนเกิดเหตุปะทะ และร้อยละ 97.0 หลังเหตุปะทะและประกาศภาวะฉุกเฉิน ระบุว่า จะกลับมาอีกและเมื่อถามว่าจะชักชวนคนอื่นๆ ในประเทศมาเที่ยวเมืองไทยอีกหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 97.6 ก่อนเกิดเหตุปะทะ และเกือบร้อยละ 100 หรือร้อยละ 98.9 ระบุ จะยังคงชักชวนคนอื่นๆ ในประเทศกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก
ด้านนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ทางพรรคมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชน ที่คาดว่าจะเป็น ส.ส.บุรีรัมย์ เตรียมดำเนินการระดมประชาชนให้มาร่วมชุมนุม เพื่อให้เกิดการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ อีกครั้ง ภายใน 1-2 วันนี้ ก่อนจะมีการหารือร่วมกัน 3 ฝ่ายในวันจันทร์ที่ 8 ก.ย.นี้ โดยเบื้องต้นได้นำหลักฐาน ข้อมูลมอบให้กับ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงได้มอบให้กับผู้รับผิดชอบโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผยว่านำไปมอบให้กับใคร
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออกกฎหมายทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชน เพื่อหาทางออกของบ้านเมือง ว่า ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 ที่การออกเสียงประชามติจะเป็นเรื่องที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือเกี่ยวกับตัวบุคคล หรือคณะบุคคลจะกระทำไม่ได้ และจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นของฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งเชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่สามารแกไขปัญหาได้ เนื่องจากทั้งนายกรัฐมนตรี และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่างมีท่าทีชัดเจนว่าจะไม่เจรจากัน
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การจัดคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.อุดรธานี มีความสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวที่ จ.อุดรธานี ของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ซึ่งคาดว่าอาจระดมประชาชนให้ชุมนุมที่ต่างจังหวัด โดยหากปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
อนุพงษ์ เหมาะนั่งนายกฯ สมัคร สมควร หยุดพูด
สันติวิธี … เพื่อสันติประชาธิปไตย
(1) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนไทยทั้งปวง จงทำใจให้กว้างโดยการตระหนักรู้ว่า การชุมนุมกันทางการเมืองก็ดี ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ดี ถือว่า นี่เป็นปรากฏการณ์อันเป็นธรรมดาของบ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
(2) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ อย่าทำการใดก็ตาม เพียงเพื่อสนองผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติประชาชนจะเสียหายใหญ่หลวงเพียงไร
(3) ขอให้ทุกท่าน ทุกคน ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักธรรมสำคัญ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนไทยด้วยกันดังต่อไปนี้
3.1 ขอให้ยึดมั่นใน "ขันติธรรม" กล่าวคือ การอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด อย่าลุแก่โทสะ คือ ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา หรือนำไปสู่การเผชิญหน้ากันโดยขาดความยั้งคิด
3.2 ขอให้ยึดมั่นใน "สันติธรรม" กล่าวคือ ใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาทุกขั้นตอน โดยขอให้คิดอย่างสันติ (เช่น ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ทหาร ตำรวจ ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์) พูดอย่างสันติ (เช่น ไม่กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง) และทำอย่างสันติ (เช่น ใช้การเจรจาเป็นทางออกสำหรับการแก้ปัญหา)
3.3 ขอให้ยึดมั่นใน "เมตตาธรรม" กล่าวคือ อย่าเผชิญหน้ากันโดยการตั้งธงแห่งอคติไว้ล่วงหน้าว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตนเป็น "ปรปักษ์" ที่จะต้องถูกกำจัด ถูกลงฑัณฑ์ให้หนักหนาสาหัส แต่ขอให้เผชิญหน้ากับคนที่อยู่ตรงข้ามกับตนในฐานะที่เขาก็เป็น "คนไทยเหมือนกันกับเรา" เขาแค่เห็นหรือปฏิบัติไม่ตรงกับเรา ไม่ได้หมายความว่าเขามี "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา"
3.4 ขอให้ยึดมั่นใน "นิติธรรม" กล่าวคือ เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ประเทศชาติประกอบด้วยคนที่ต่างคนต่างความคิด ต่างความเห็น ต่างความต้องการ หากทุกคน ทุกฝ่าย ต่างยึดเอา "ความต้องการ" ของตนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่มีทางที่ประเทศชาติจะมีสันติสุขได้เลย ดังนั้น เราทุกคน ทุกฝ่าย จึงควรร่วมกันยกเอากฎหมาย ขึ้นเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ เป็นบรรทัดฐาน ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คนทุกคนที่ไม่ยอมให้แก่ใคร ในท้ายที่สุดก็ควรจะยอมให้แก่กฎหมาย เมื่อมาอยู่เบื้องหน้ากฎหมายแล้วขอให้เราเคารพกฎหมาย เพราะหากไม่เคารพกฎหมายเลย บ้านเมืองก็จะเข้าสู่สภาพอนารยะ ไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่มีหลักประกันในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และจะก่อให้เกิดสภาพล้าหลังในทุกๆ ทางอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด ขอให้เราคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมกันตั้งกัลยาณจิต ภาวนาให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ร่วมกันอย่างสันติในเร็ววัน
By นาสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ ID 4831205222
สันติวิธี … เพื่อสันติประชาธิปไตย
(1) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนไทยทั้งปวง จงทำใจให้กว้างโดยการตระหนักรู้ว่า การชุมนุมกันทางการเมืองก็ดี ความขัดแย้งอันเนื่องมาจากความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ดี ถือว่า นี่เป็นปรากฏการณ์อันเป็นธรรมดาของบ้านเมืองที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
(2) ขอให้รัฐบาลและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ อย่าทำการใดก็ตาม เพียงเพื่อสนองผลประโยชน์ของตนเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติประชาชนจะเสียหายใหญ่หลวงเพียงไร
(3) ขอให้ทุกท่าน ทุกคน ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักธรรมสำคัญ อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยไม่เสียเลือดเนื้อคนไทยด้วยกันดังต่อไปนี้
3.1 ขอให้ยึดมั่นใน "ขันติธรรม" กล่าวคือ การอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด อย่าลุแก่โทสะ คือ ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา หรือนำไปสู่การเผชิญหน้ากันโดยขาดความยั้งคิด
3.2 ขอให้ยึดมั่นใน "สันติธรรม" กล่าวคือ ใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาทุกขั้นตอน โดยขอให้คิดอย่างสันติ (เช่น ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ทหาร ตำรวจ ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์) พูดอย่างสันติ (เช่น ไม่กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรง) และทำอย่างสันติ (เช่น ใช้การเจรจาเป็นทางออกสำหรับการแก้ปัญหา)
3.3 ขอให้ยึดมั่นใน "เมตตาธรรม" กล่าวคือ อย่าเผชิญหน้ากันโดยการตั้งธงแห่งอคติไว้ล่วงหน้าว่า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตนเป็น "ปรปักษ์" ที่จะต้องถูกกำจัด ถูกลงฑัณฑ์ให้หนักหนาสาหัส แต่ขอให้เผชิญหน้ากับคนที่อยู่ตรงข้ามกับตนในฐานะที่เขาก็เป็น "คนไทยเหมือนกันกับเรา" เขาแค่เห็นหรือปฏิบัติไม่ตรงกับเรา ไม่ได้หมายความว่าเขามี "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์น้อยกว่าเรา"
3.4 ขอให้ยึดมั่นใน "นิติธรรม" กล่าวคือ เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ประเทศชาติประกอบด้วยคนที่ต่างคนต่างความคิด ต่างความเห็น ต่างความต้องการ หากทุกคน ทุกฝ่าย ต่างยึดเอา "ความต้องการ" ของตนเป็นที่ตั้ง ก็ไม่มีทางที่ประเทศชาติจะมีสันติสุขได้เลย ดังนั้น เราทุกคน ทุกฝ่าย จึงควรร่วมกันยกเอากฎหมาย ขึ้นเป็นใหญ่ เป็นสำคัญ เป็นบรรทัดฐาน ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คนทุกคนที่ไม่ยอมให้แก่ใคร ในท้ายที่สุดก็ควรจะยอมให้แก่กฎหมาย เมื่อมาอยู่เบื้องหน้ากฎหมายแล้วขอให้เราเคารพกฎหมาย เพราะหากไม่เคารพกฎหมายเลย บ้านเมืองก็จะเข้าสู่สภาพอนารยะ ไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่มีหลักประกันในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และจะก่อให้เกิดสภาพล้าหลังในทุกๆ ทางอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด ขอให้เราคนไทยทุกภาคส่วน ร่วมกันตั้งกัลยาณจิต ภาวนาให้เราสามารถก้าวข้ามวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ร่วมกันอย่างสันติในเร็ววัน
By นาสาว กนกวรรณ ธาตุอินจันทร์ ID 4831205222